รีวิว Freaky - สลับร่างฆ่า ล่าป่วนเมือง
หากยังจำกันได้เมื่อไม่นานมานี้มีหนังสยองขวัญแนววนลูปที่นางเอกต้องติดอยู่ในวันเกิดตัวเองและถูกฆ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าหนังเรื่องนั้นมีชื่อ Happy Death Day ออกฉายปี 2017 และประสบความสำเร็จจนมีภาคต่อในปีที่แล้วกับ Happy Death Day 2U และแจ้งเกิดให้ผู้กำกับหนังสยองขวัญอย่างคริสโตเฟอร์ แลนดอน ที่ได้ร่วมงานกับทางบลัมเฮาส์ โปรดักชัน ตอกย้ำความสำเร็จให้สตูดิโอหนังสยองขวัญยุคใหม่ที่จับอะไรก็มือขึ้นไปหมด (ด้านรายได้หนังอาจยังมีแป้กอยู่บ้าง) และปีนี้แลนดอนก็กลับมาอีกครั้งกับหนังสแลชเชอร์สุดปั่น รีวิว Freaky
เรื่องย่อ
เรื่องราวสุดโกลาหลคราวนี้ก็เริ่มขึ้นเมื่อฆาตกรต่อเนื่องสุดโหดอย่าง บุชเชอร์ (วินซ์ วอห์น) ที่ออกอาละวาดสังหารวัยรุ่นในเมืองบลิสฟิลด์ เกิดไปขโมยกริชของชนเผ่าแอซเท็กหลังสังหารวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งอย่างเหี้ยมโหดและเหยื่อที่มันดันเอากริซไปแทงดันเป็น มิลลี (แคธรีน นิวตัน) สาวเฉิ่มประจำบลิสฟิลด์ไฮ แต่ด้วยเวทมนตร์ลึกลับของกริซก็ทำให้ทั้งคู่มีอันต้องสลับร่างกัน ความวายป่วงก็เกิดขึ้นเมื่อบุชเชอร์ในร่างมิลลีไล่ฆ่าเหล่านักเรียน ส่วนมิลลีในร่างบุชเชอร์ก็ต้องหาทางหยุดฆาตกรในร่างสาวแซ่บของเธอภายใน 24 ชั่วโมงก่อนทั้งคู่จะต้องสลับร่างกันตลอดกาล
เป็นหนึ่งในโปรแกรมหนังใหม่ในสัปดาห์นี้ที่น่าสนใจไม่เบาเลยทีเดียว ภายใต้แนวคิดของคอนเซ็ปต์คำว่า "ถ้าหาก" เพราะว่าถ้าหากฆาตกรอำมหิตได้เกิดสลับร่างกับเด็กนักเรียนสาวในหนึ่งวัน เหตุการณ์มันจะเป็นชุลมุนปั่นป่วนแค่ไหนกันนะ คือโจทย์หลักๆ ของ "Freaky" (สลับร่างฆ่า ล่าป่วนเมือง) หนังใหม่จากค่ายยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ที่ส่งออกมาได้ค่อนข้างตรงจังหวะเหมาะเจาะกับคนรักหนังสายโหดจริงๆ
หาก Happy Death Day เคยเอาสูตรสำเร็จของพลอตวนลูปแบบหนังเรื่อง Groundhog Day (1993) มาผสมกับแนวสแลชเชอร์ฆาตกรไล่สังหารโหด คราวนี้ Freaky ก็ไม่อายที่มันจะขอยำใหญ่หนัง 2 แนวที่ถูกสร้างจนเฝือที่สุดอย่างแนวสลับร่างสร้างรักอย่าง Freaky Friday
และหนังสแลชเชอร์ที่เราจะเห็นการคารวะแบบปั่น ๆ อย่าง Friday the 13th หรือพ่อเจสัน วอร์ฮีย์ มาจนได้ส่วนผสมสุดอร่อยอย่าง Freaky เรื่องนี้นี่เอง (เดิมหนังเกือบจะใช้ชื่อ Freaky Friday The 13thก่อนถูกตัดเหลือแค่ Freaky)
เนื้อเรื่อง
เมื่อเกิดเหตุฆาตกรรมสี่นักเรียนในบ้านหลังหนึ่ง ผู้คนในโรงเรียนต่างขวัญผวากับฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ แต่ใครจะรู้ว่าเดอะบุทเชอร์ (Vince Vaughn จากหนัง Fighting with My Family, Hacksaw Ridge และ The Internship) คนร้ายรายนั้น มันเข้ามาถึงในโรงเรียนของเธอ
มิลลี่ เคสส์เลอร์ (Kathryn Newton จากหนัง Pokémon: Detective Pikachu, Blockers และ Lady Bird) หญิงสาวที่ค่อนข้างเก็บตัว ด้วยสถานการณ์ที่บ้านที่ไม่ค่อยมีความสุขนัก เธอไม่ค่อยได้เป็นตัวเองเท่าไหร่ เหตุเพราะแม่ของเธอนั้นสูญเสียพ่อไปราวปีนึง แต่เธอก็มีพี่สาว ชาร์ลีน (Dana Drori) เป็นตำรวจอยู่นะ นิสัยก็ออกจะห้าวๆ หน่อย
ในคืนหนึ่งมิลลี่ได้พบกับฆาตกรต่อเนื่องคนนั้น แต่ด้วยมนต์ดำบางอย่างทำให้มิลลี่เกิดสลับร่างกับฆาตกรคนนั้น เมื่อเธอตื่นมาก็กลับพบว่าตัวเองกำลังสลับร่างกับฆาตกร และจากความช่วยเหลือของเพื่อนสนิท เธอจึงได้รู้ว่า ภายใน 24 ชั่วโมงเธอต้องหาทางกลับคืนร่างให้ได้
ไม่เช่นนั้น การสลับร่างจะเป็นไปตลอดกาล
การดำเนินเรื่อง
เรื่องราวที่เริ่มต้นเป็นเพียงเรื่องของหนุ่มสาว 4 คนในบ้านหลังที่ถูกฆาตกรในหน้ากากฆ่าอย่างเหี้ยมโหด ไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรต่อการกำจัดกลุ่มคนขี้บูลลี่ได้เลยสักนิด แต่ถ้าดูไปเรื่อยๆ เราก็เห็นสิ่งนั้นเองครับ
จะว่าไป Freaky ก็ว่าด้วยเรื่องในโรงเรียนเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็เรื่องในบ้านไม่น้อยแหละ
มิลลี่ก็เป็นหญิงสาว (ที่ผมจัดว่าหน้าตาดีเลยนะ) ที่อยู่ในโรงเรียนเธอดูติ๋มๆ เข้ากับใครไม่ค่อยได้ มีแต่คนล้อและกลั่นแกล้ง แต่ยังดีที่เธอมีเพื่อนสนิทร่วมก๊วนอยู่สองคน คนหนึ่งเป็นสาวสวยผิวสี อีกคนก็มีจริตจก้าน ไม่ว่ายังไง สองคนนี้คือคนที่อยู่ข้างเธอตลอดมา แต่อาจจะมีปัญหาอยู่บ้างในวันที่เธอเกิดสลับร่างกับฆาตกรต่อเนื่องเนี่ยแหละ
ด้วยเหตุผลทางด้านไสยศาสตร์ที่ดูแล้วอาจจะมึนๆ งงๆ อยู่บ้างแต่ก็ปล่อยมันไป แต่ในที่สุด มิลลี่ก็ต้องไปอยู่ในร่างของเดอะบุทเชอร์เป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ความแปลกประหลาดของการที่ Kathryn Newton ต้องสวมบทเป็นเพศตรงข้ามตัวเองทั้งยังมีบุคลิกแข็งๆ แบบฆาตกรอีก จึงทำให้มันกลายเป็นหนังคอมิดี้ไปได้
ขณะที่มิลลี่ต้องไปอยู่ในร่างของฆาตกร ทำให้ Vince Vaughn ต้องสวมบทบาทเป็นผู้หญิงในร่างผู้ชาย จริตจก้านความเป็นหญิงมันเลยดูชวนฮาไปได้ไม่น้อย ยิ่งมีเพื่อนเป็นกะเทย ส่งมุกกันสนุกกันไปละทีนี้
แต่บทหนังใหม่เต็มเรื่อง จะโหดก็จัดหนักไปไม่น้อยเช่นกัน หลายฉากนี่เรียกได้ว่าโหดเกิ๊น เรียกว่าจัดหนักมากจนทำให้หนังเรื่องนี้เป็นการผสมกันนัวเนียทั้งความตลก ความโหดเลือดสาด ความลุ้นจิกหมอน และความสวย
ช่วงต้นช่วงท้ายจะจัดหนักในความเป็นหนัง thriller หน่อย เล่นกับความลุ้นของคนดูว่าจะเจออะไรตอนไหน แต่ระหว่างกลางคือ การเดินเรื่องที่สลับกันไประหว่างคอมิดี้ของตัวละครที่สับเปลี่ยนร่างและแก๊งเพื่อนนางเอก แอคชั่นไล่ล่าทำภารกิจเพื่อกลับคืนร่าง
สิ่งที่ต้องชื่นชมคริสโตเฟอร์ แลนดอนทั้งในฐานะคนเขียนบทและผู้กำกับก็คือการปรุงส่วนผสมมือสองได้อย่างสร้างสรรค์มาก ๆ คือมันไม่ได้สักแต่ว่าเอาคอนเซปต์สุดโต่งมาเล่าทื่อ ๆ ตรงกันข้ามหนังเหมือนเข้าใจวัตถุดิบตัวเองและยังประณีตพอจะจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ
ได้อย่างพอดิบพอดีโดยเฉพาะการที่มันไม่ลืมจะใส่ดราม่าและที่มาที่ไปให้ตัวละครนางเอกของเราดูน่าเอาใจช่วยและอดลุ้นตามไม่ได้โดยไม่ทิ้งความสนุกของหนังแนวสแลชเชอร์และหนังตลกอย่างที่มันเป็น
ความสยองขวัญที่จัดเต็ม
เมื่อการสลับร่างครั้งนี้เกิดขึ้น มันนำพาให้ฆาตกรต่อเนื่องได้ไปพบกับเหล่าผู้คนที่ชอบแกล้ง ชอบบูลลี่มิลลี่ จึงเป็นเหมือนการแก้แค้นในแบบโหดเหี้ยมสุดๆ นัยว่า หนังกำลังต้องการช่วยแก้เผ็ดเอาคืนให้กับเหล่าคนที่เคยถูกบูลลี่ทั่วโลก อะไรประมาณนั้น
แต่ในระหว่างทางเว็บหนัง HD ก็ดูจะมีบางฉากที่ค่อนข้างชวนตะหงิดๆ ในใจ มันดูเป็นฉากที่จงใจและยัดเยียดเกินจะเปิดใจมองผ่าน หนังพยายามจะสร้างและคลี่คลายปมเกี่ยวกับครอบครัวของมิลลี่แหละ ต้องการจะทำหนังให้มันมีอะไรที่หนักแน่นและมีมิติมากกว่าเป็นแค่หนังสยองขวัญระคนตลกเรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่ใส่มามันดูประดักประเดิดเกิน
ส่วนใครกลัวว่าพอไปทางตลกแล้วหนังแผ่วด้านสยองหรือเปล่าก็ต้องบอกเลยว่าไม่ต้องกลัว…เพราะหนังจัดเต็มความโหดสายเชือดเลือดกระเด็นทั้งคนถูกแช่แข็งถูกเลื่อยผ่าครึ่งตัวและยังไม่นับกับลีลาแล่เนื้อเถือหนังแบบแทบจะเรียกทั้งปู่ไมเคิล ไมเยอร์ แห่ง Halloween คุณตาเจสัน วอร์ฮีย์ Friday the 13th หรือคุณน้าฆาตกรโกสต์เฟซแห่ง Scream มาประทับทรงกันครบองค์นรกแตกเลยทีเดียว
จุดเด่น
และหมัดเด็ดสำคัญคือมันทำถึงและสะใจกับมันได้ ไม่ว่าเราจะมองว่ามันเป็นหนังตลกมันก็มีมุกตลกที่ได้ผลทั้งมุกกะเทยแอบแซ่บ มุกสาวแสบร้ายไฮสคูล และมุกผิดฝาผิดตัวหรือ Mistaken Identity ที่สาวเฉิ่มไปอยู่ในร่างชายสุดหยาบกร้านที่ทำคนดูฮาก๊ากได้ทั้งเรื่อง
โดย MVP สำคัญได้แก่วินซ์ วอห์นที่นอกจากจะเล่นเป็นฆาตกรได้น่ากลัวแล้วพอตอนสลับร่างเราก็อดฮากับ “ความตัวเล็ก” ของนางไม่ได้เลยทีเดียวและที่ถือว่าน่าจะโดดเด่นไม่น้อยได้แก่ มิชา โอเชอร์โรวิช ในบทจอชเพื่อนกะเทยแอบแซ่บของนางเอกที่ได้ปล่อยมุกและสร้างจังหวะคอมเมดี้ระดับเซียนได้หลายซีนเลยทีเดียว
สำหรับคนสายตาดี!
ที่สำคัญหากใครเป็นคอหนังสายตาอยู่ไม่สุขเราจะแอบเห็นการอ้างอิงถึงหนังสยองขวัญเก่า ๆ อยู่เนือง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนามสกุลของ Strode ของตัวละคร บุ๊กเกอร์ สโตรด หนุ่มในฝันของมิลลีที่ประหนึ่งเป็นลูกหลานของ ลอร์รี สโตรด แห่ง Halloween ที่บลัมเฮาส์ โปรดักชันวางกำหนดฉาย Halloween Kills ภาคต่อไว้ปีหน้า
(ซึ่งเจมี ลี เคอร์ติสที่รับบท ลอร์รี สโตรดก็เคยเล่นเป็นแม่ที่สลับร่างกับลูกใน Freaky Friday ฉบับรีเมกปี2003ด้วยนะ) หรือจะเป็นหน้ากากของบุชเชอร์ก็แทบจะเคาะเบ้ามาจากหน้ากากฮ็อกกีของเจสัน วอร์ฮีย์ในภาค 3 ของ Friday the 13th เลยทีเดียว
และหนังก็ยังแสบสันถึงขั้นเริ่มเรื่องราวไล่ไปตั้งแต่ พุธที่ 11 ไปจนถึงศุกร์ 13 เรียกได้ว่าทั้งคารวะทั้งปั่นและต้องยอมรับว่ามันให้ความบันเทิงแบบหนังสแลชเชอร์ตลกยุค 90s ได้สะใจมากจริง ๆ โดยบทหนังก็ไม่ลืมจะใส่ลูกล่อลูกชนอย่างที่หนังสแลชเชอร์ดี ๆ และเล่นจังหวะหลอกล่อตุ้งแช่บ้างตามหนังแนวนี้ซึ่งความน่ากลัวก็ถือว่าแรงดีไม่มีตกทั้งเรื่องเลยทีเดียว
และนางเอกของเรา
และจะไม่พูดถึงตัวนางเองอย่างแคธรีน นิวตันก็คงไม่ได้ เพราะเท่าที่อ่านข้อมูลมาคือเธอเคยร่วมงานแบบเฉียด ๆ กับคริสโตเฟอร์ แลนดอนใน Paranormal Activity 4 ที่แลนดอนเขียนบทก่อนเธอจะไปดังกับซีรีส์ Big Little Lies ทาง HBO
และแม้จะปฏิเสธบทในทีแรกเราก็ต้องขอขอบคุณที่เธอกลับใจเพราะดูจากหนังก็เข้าใจได้เลยว่าทำไมบทของมิลลีถึงถูกเจาะจงจากแลนดอนว่าต้องเป็นเธอเท่านั้น
โดยนิวตันมอบทั้งด้านดรามjาเด็กสาวที่กำลังอยู่ชั้นปีสุดท้ายแถมครอบครัวก็เพิ่งสูญเสียพ่อซึ่งเธอก็แสดงด้านที่เปราะบางออกมาได้อย่างหมดจดไม่เสียชื่อนักแสดงดาวรุ่งขายฝีมือจริง ๆ และลุคของเธอ
ที่สามารถกระโดดจากสาวเรียบร้อยไปเป็นบาร์บี้สุดโหดตอนสลับร่างก็ต้องยอมรับว่าเธอแซ่บจริงอะไรจริงและยังคงความน่าสะพรึงกลัวที่รับช่วงมาจากวินซ์ วอห์นได้อย่างไร้ที่ติอีกด้วย
โดยรวม
เป็นหนังตลกสายโหดที่อาจจะไม่โหดถึงขีดสุด เพราะยังแอบซ่อนความหวานแว๋วตามประสาเด็กสาวไฮสคูลเอาไว้อยู่ แต่คอนเซ็ปต์ของหนังค่อนข้างดี สอดแทรกประเด็นสังคมเอาไว้ประปราย ที่สำคัญยังปูทางและสามารถนำไปตีโจทย์สร้างเป็นภาคต่อได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมากเลยด้วยซ้ำ
สรุป
เราคงต้องวาง Freaky เป็นโปรแกรมสุดเซอร์ไพร์สของปี 2020 ได้เลยทีเดียวทั้งความสนุกของหนังที่ครบรสทรงเครื่องทั้งความตลกและความสยองขวัญ ช่วยให้ปีนี้โรงหนังไม่แห้งแล้งหนังดูสนุกจนเกินไปหลังหลายโปรแกรมเลือกหนีโควิด 19 ไปปีหน้ากันหมดแล้ว และดีไม่ดีมันอาจแถจนมีภาคต่อก็ได้หากมันประสบความสำเร็จ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น